ว่ากันจริงๆ ในทุกธุรกิจที่มองเห็นถึงการเติบโตและขยายตัวในอนาคตข้างหน้า ด้วยฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ควรจะพิจารณาได้แล้วว่าควรจะมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์เป็นของตนเองในบริษัท ประโยชน์ที่มันจะมอบให้มีมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย และการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทมากกว่าการใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดาเก็บข้อมูล หลักการทำงานมันอาจจะคล้ายคลึงกัน แต่ทำไมเราถึงไม่อยากให้ใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดากับบริษัทน่ะเหรอ เรามาดูกันว่าทำไม
5 เหตุผลที่ทำไมควรเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์มากกว่าคอมพิวเตอร์บ้านๆ
1.ความปลอดภัยต่ำ เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมข้อมูลจากภายในและภายนอกได้ง่าย
2.มีซอฟ์แวร์บริหารจัดการข้อมูลที่ไม่มีประสิทธิภาพ
3.ฮาร์ดแวร์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นยิ่งเปิดนานเท่าไหร่เครื่องจะเสื่อมเร็วมากขึ้นอาจจะอยู่ได้ 1 – 2 ปีด้วยซ้ำไป
4.มีข้อจำกัดในการอัพเกรดในด้านงานบริหารข้อมูล
5.ไม่เหมาะกับการนำมาทำเซิร์ฟเวอร์
คอมพิวเตอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ใช้ทำงานทั่วๆ ไปแต่ไม่ได้รองรับการใช้งานรับส่งข้อมูลมหาศาลแบบเดียวกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ถ้าคุณเก็บข้อมูลสำคัญๆ ของลูกค้าไว้ในมือ ยิ่งจำเป็นจะต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ที่คอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไปไม่สามารถทำได้ จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำไมบริษัท หรือองค์กรต่างๆ ควรมีเซิร์ฟเวอร์เป็นของตนเอง นอกจากจะมีความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลที่สูง ยังมีระบบสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงระบบบริหารจัดการที่ทำได้ง่าย แถมยังเชื่อมต่อระยะไกลได้จากที่บ้าน เพื่อเฝ้าดูความเคลื่อนไหว และแจ้งเตือนการบุกรุกจากภายนอกได้อีกด้วย
หลายบริษัทอาจจะเห็นว่ามันมีค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟื่อย จนมองข้ามสิ่งเหล่านี้ได้ ซึ่งก็ได้มีบทเรียนกันมามากมายหลายบริษัทดังๆ ที่กว่าจะก้าวเข้ามาใช้งานเซิร์ฟเวอร์ จนเสียหายจากการฟ้องร้องของลูกค้า ที่บริษัทไม่สามารถรักษาข้อมูลของพวกเขาได้ โดยปัจจุบันนี้มีการเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ขนาดย่อมที่รองรับการอัพเกรดส่วนขยายในอนาคต โดยไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินทั้งหมดลงไปกับเซิร์ฟเวอร์ราคาหลักสิบล้านในทีเดียว
นอกจากเราจะมีเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังจำเป็นต้องมีบุคลากรสำคัญที่จะมาดูแลระบบของเราให้ทำงานสมบูรณ์ในทุกๆ วัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดความผิดพลาด และหากเกิดขึ้นจะต้องมีคนอยู่คอยแก้ไข ซึ่งก็คือผู้ดูแลระบบนั่นเอง เขาเหล่านี้จะคอยสังเกตุความผิดปกติ ข้อบกพร่อง ที่อาจทำให้ระบบไม่ปลอดภัย ทำให้เกิดช่องโหว่ให้บุคคลไม่หวังดีเข้ามาทำลาย หรือขโมยข้อมูลสำคัญของบริษัท ดังนั้นการทำงานที่มีประสิทธิภาพจึงเกิดขึ้นระหว่างผู้ดูแล และตัวเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างสัมพันธ์กัน